กิจการร่วมค้า กิจการค้าร่วมคืออะไร ต่างกันอย่างไร

กิจการร่วมค้า

ในโลกของการทำธุรกิจบางครั้งแค่การสับเปลี่ยนของคำก็ทำให้ความหมายและลักษณะดำเนินการแตกต่างกันอย่างชัดเจน หนึ่งในความสงสัยที่มักเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนคือ “กิจการร่วมค้า” และ “กิจการค้าร่วม” มาศึกษาข้อมูลกันว่าทั้ง 2 ประเภทนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร เพื่อช่วยให้การตัดสินใจลงทุนหรือดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจตอบโจทย์มากขึ้น

กิจการร่วมค้า

กิจการร่วมค้า หรือ Joint Venture คือ การที่บุคคลหรือองค์กรมีการทำธุรกิจร่วมกันตั้งแต่ 2 บุคคลขึ้นไป (อย่างน้อยต้องมี 1 ฝ่ายเป็นนิติบุคคล) โดยทุกฝ่ายต้องมีดำเนินการทุกประเภทด้วยกันไม่ว่าจะเป็นการลงทุนเกี่ยวกับสินทรัพย์ แรงงาน บุคลากร ที่ดิน ไปจนถึงอาคารสำนักงาน เครื่องจักร เทคโนโลยีต่าง ๆ ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดจะอยู่ภายใต้สัญญาการร่วมค้า เป็นไปตามข้อตกลงที่ได้ระบุเอาไว้ในเอกสารอย่างชัดเจนในดำเนินกิจการ

ซึ่งในรายละเอียดดังกล่าวต้องระบุเป้าหมาย วัตถุประสงค์ชัดเจน เมื่อจุดประสงค์ดังกล่าวสำเร็จก็เป็นอันเสร็จสิ้นการทำกิจการร่วมค้า ผลกำไรที่เกิดขึ้นถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วนตามสัญญาหรือสัดส่วนการลงทุนที่ตกลง แต่ถ้าหากเกิดข้อผิดพลาด ความเสียหายในทุกกรณีทุกฝ่ายที่ดำเนินการก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน

จุดเด่นสำคัญของการทำกิจการร่วมค้าคือจะช่วยกระจายความเสี่ยงเมื่อต้องทำธุรกิจบางประเภทร่วมกัน เช่น ลักษณะงานที่ต้องลงทุนสูง และที่สำคัญยังช่วยประหยัดภาษีจากการได้กำไร เพราะมีกฎหมายระบุถึงการรับส่วนแบ่งกำไรจะไม่ถูกนำมาคำนวณเป็นรายได้ของบริษัทเดิม

กิจการค้าร่วม

กิจการค้าร่วม หรือ Consortium คือ การทำธุรกิจที่มีองค์กรตั้งแต่ 2 หน่วยงานร่วมมือกันดำเนินการตามวัตถุประสงค์หนึ่ง โดยต่างฝ่ายจะนำเอาความรู้ ทักษะ ความเชี่ยวชาญของตนเองมาทำงานในสัดส่วนที่ตนเองได้ตกลงรับผิดชอบเอาไว้ ตรงนี้จะมีการแบ่งลักษณะงานที่แต่ละองค์กรต้องรับผิดชอบตามหน้าที่ของตนเองอย่างชัดเจน อีกทั้งแต่ละองค์กรยังมีการออกใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จรับเงิน เอกสารต่าง ๆ เป็นชื่อของตนเอง

หากอธิบายแบบเข้าใจง่าย ๆ กิจการค้าร่วมเสมือนเป็นการลงนามในสัญญากับทางเจ้าของโครงการ องค์กรที่เข้ามาทำงานร่วมกันจะลงทุนด้านสินทรัพย์ เงินทุน แรงงาน เครื่องจักร และอื่น ๆ เฉพาะในสัดส่วนที่ตนเองมีหน้าที่รับผิดชอบเท่านั้น ไม่มีการแบ่งกำไรหรือขาดทุนร่วมกัน การเสียภาษีก็เกิดขึ้นตามจริงของผลกำไรในบริษัทนั้น ๆ

จุดเด่นสำคัญของการทำกิจการค้าร่วมคือ แต่ละองค์กรจะรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเอง สามารถประเมินความเสี่ยงและความเหมาะสมต่อการลงทุนได้ ช่วยลดโอกาสต่อการขาดทุนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงยังดำเนินการเฉพาะสิ่งที่องค์กรถนัดและทำออกมาได้ดีกว่า

เมื่อเข้าใจแบบนี้แล้วหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ทำธุรกิจก็ลองพิจารณาว่ากรณีมีโอกาสดำเนินการร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ สนใจเข้าร่วมแบบกิจการร่วมค้าหรือกิจการค้าร่วม เพื่อประโยชน์สูงสุดกับองค์กรตนเอง